Jump to content
Main menu
Main menu
move to sidebar
hide
Navigation
Main page
Recent changes
Random page
freem
Search
Search
Appearance
Create account
Log in
Personal tools
Create account
Log in
Pages for logged out editors
learn more
Contributions
Talk
Editing
Openai/693d9610-9d58-8009-9598-6542ef4c559b
(section)
Add languages
Page
Discussion
English
Read
Edit
Edit source
View history
Tools
Tools
move to sidebar
hide
Actions
Read
Edit
Edit source
View history
General
What links here
Related changes
Special pages
Page information
Appearance
move to sidebar
hide
Warning:
You are not logged in. Your IP address will be publicly visible if you make any edits. If you
log in
or
create an account
, your edits will be attributed to your username, along with other benefits.
Anti-spam check. Do
not
fill this in!
=== Assistant: คำถามนี้สำคัญมากครับ 👍 === คำถามนี้สำคัญมากครับ 👍 ผมขออธิบายตรงไปตรงมาและแยกให้ชัดว่า สิ่งที่ผมวิเคราะห์มาจากแหล่งไหนบ้าง และอะไรคือ “การสังเคราะห์” ไม่ใช่การเดา ==== 1) ฐานข้อมูลหลักที่ใช้ (Primary Sources) ==== สิ่งที่ผมอ้างอิง ไม่ใช่ความเห็นส่วนตัวลอย ๆ แต่เป็นการสังเคราะห์จากแหล่งเหล่านี้: ===== (1) เอกสารและงานวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ===== * งานของสาย Realism / Strategic Studies * เคสเปรียบเทียบรัฐเล็ก–รัฐกลางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ * บทวิเคราะห์เรื่อง - Asymmetric power - Deterrence - Conflict management - Frozen conflict ใช้กันในหลักสูตร IR / Security Studies ทั่วไป ===== (2) ประวัติศาสตร์ความมั่นคงจริง (ไม่ใช่เรื่องเล่า) ===== เช่น * เวียดนามบุกโค่นเขมรแดง (1978–79) * การยึดครองพนมเปญ * การวางกองกำลังเวียดนามในกัมพูชาหลายปี * ความสัมพันธ์ทหาร–ทหาร เวียดนาม–กัมพูชา หลังสงคราม สิ่งเหล่านี้เป็น ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ที่ใช้วิเคราะห์พฤติกรรมรัฐ ===== (3) พฤติกรรมรัฐ (State behavior) ไม่ใช่คำพูดรัฐ ===== ผมดูจาก * เวียดนาม “ทำอะไร” เมื่อถูกยั่วยุ * ไทย “ตอบสนองยังไง” ในสถานการณ์คล้ายกัน * ใครใช้สื่อ ใครไม่ใช้ * ใครปล่อยให้เรื่องกลายเป็นกระแส ใครตัดไฟตั้งแต่ต้น นี่คือวิธีวิเคราะห์แบบนักความมั่นคง : ดูการกระทำซ้ำ ๆ ไม่ดูคำแถลงครั้งเดียว ===== (4) โมเดลที่องค์กรนานาชาติใช้จริง ===== เช่น * Joint Development Area (JDA) * Confidence Building Measures (CBMs) * Issue linkage * Track 1 / Track 1.5 diplomacy เป็นเครื่องมือที่ใช้จริงใน: * อาเซียน * UN * การเจรจาพื้นที่พิพาททั่วโลก ==== 2) สิ่งที่ “ไม่ใช่แหล่งข้อมูล” ==== เพื่อความโปร่งใส ผมขอระบุชัดว่า ผมไม่ได้ใช้: * ข่าวรายวันเชิงอารมณ์ * โพสต์โซเชียล * Narrative ชาตินิยมฝั่งใดฝั่งหนึ่ง * คำปราศรัยทางการเมือง เพราะสิ่งเหล่านี้ อธิบายอารมณ์ได้ แต่ไม่อธิบายอำนาจ ==== 3) แล้วทำไมถึงกล้าพูดว่า “โมเดลเวียดนาม” ใช้ได้? ==== เพราะมันสอดคล้องกับ 3 อย่างพร้อมกัน: # ประวัติศาสตร์จริง (เคยใช้กำลังจริง) # พฤติกรรมปัจจุบัน (ไม่เล่นเกมสื่อ) # ทฤษฎีความมั่นคง (deterrence + cost imposition) ไม่ใช่แค่ “ดูเหมือนแข็ง” แต่คือ ทำให้อีกฝ่ายคำนวณแล้วไม่คุ้ม ==== 4) ข้อจำกัดที่ผมยอมรับตรง ๆ ==== * ไทยเป็นรัฐเปิด → ทำแบบเวียดนาม 100% ไม่ได้ * ไทยมีการเมืองภายในซับซ้อนกว่า * เพราะฉะนั้นผมถึงเสนอ ปรับบางส่วน (60–70%) ไม่ใช่ลอกทั้งระบบ นี่คือการวิเคราะห์เชิงโครงสร้าง ไม่ใช่เชียร์ใคร ==== สรุปแบบสั้นและตรง ==== : แหล่งข้อมูลของผมคือ : ประวัติศาสตร์จริง + ทฤษฎีความมั่นคง + พฤติกรรมรัฐซ้ำ ๆ + โมเดลที่โลกใช้จริง ไม่ใช่ข่าววันต่อวัน ไม่ใช่อารมณ์ ไม่ใช่ความรู้สึกส่วนตัว ถ้าคุณต้องการ * ผมสามารถ ลิสต์ชื่อทฤษฎี/แนวคิด แบบเป็นทางการ * หรือ ยกเคสเปรียบเทียบเป็นตาราง ไทย–เวียดนาม–จีน * หรือแยกว่า อะไรคือ fact / อะไรคือ interpretation บอกแนวที่อยากตรวจสอบต่อได้เลยครับ
Summary:
Please note that all contributions to freem are considered to be released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 4.0 (see
Freem:Copyrights
for details). If you do not want your writing to be edited mercilessly and redistributed at will, then do not submit it here.
You are also promising us that you wrote this yourself, or copied it from a public domain or similar free resource.
Do not submit copyrighted work without permission!
Cancel
Editing help
(opens in new window)