Jump to content
Main menu
Main menu
move to sidebar
hide
Navigation
Main page
Recent changes
Random page
freem
Search
Search
Appearance
Create account
Log in
Personal tools
Create account
Log in
Pages for logged out editors
learn more
Contributions
Talk
Editing
Openai/69461e6a-836c-8001-93fc-fb54a8a637bc
(section)
Add languages
Page
Discussion
English
Read
Edit
Edit source
View history
Tools
Tools
move to sidebar
hide
Actions
Read
Edit
Edit source
View history
General
What links here
Related changes
Special pages
Page information
Appearance
move to sidebar
hide
Warning:
You are not logged in. Your IP address will be publicly visible if you make any edits. If you
log in
or
create an account
, your edits will be attributed to your username, along with other benefits.
Anti-spam check. Do
not
fill this in!
=== ### === ในช่วงกว่าสิบปีที่ผ่านมา ประชาชนไทยต้องเผชิญกับภาระค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเกิดจากโครงสร้างราคาพลังงานที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะ ค่าผ่านท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เรียกเก็บ ทั้งที่ ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเด็ดขาด (ฟ.35/2550) ว่าระบบท่อก๊าซและอุปกรณ์ประกอบทั้งหมดเป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ต้องโอนกลับเป็นของกระทรวงการคลัง แต่ปรากฏว่า ปตท. คืนทรัพย์สินไม่ครบ ขณะที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กลับอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าผ่านท่อ โดยไม่เคยอ้างถึงทั้งคำพิพากษาและรายงานทักท้วงของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) การกระทำเช่นนี้สะท้อนถึง ความล้มเหลวขององค์กรกำกับดูแล ที่กลายเป็นเพียง “ตรายาง” เอื้อประโยชน์แก่ทุนใหญ่ กรณีนี้มีความคล้ายคลึงกับคดี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ที่ถูกศาลอาญาคดีทุจริตพิพากษาจำคุกจากการทำหน้าที่ตรวจสอบปัญหาผู้บริโภคในแอปพลิเคชัน TrueID ทั้งสองคดีจึงสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างเดียวกัน คือ Regulatory Capture และการเสื่อมถอยของหลักนิติธรรม ===== หน้า 83 ของคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดระบุชัดว่า ===== * ระบบท่อส่งก๊าซและอุปกรณ์ประกอบทั้งหมด รวมถึงท่อส่งน้ำมัน เป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามมาตรา 1304 (3) ป.พ.พ. * ต้องโอนกลับเป็นของกระทรวงการคลัง ตามมาตรา 24 พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 อย่างไรก็ตาม ปตท.ส่งคืนเพียงบางส่วน ขณะที่ กกพ. ไม่เคยหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพิจารณา กลับยอมรับโดยปริยายว่า ปตท.ถือครองและคิดค่าผ่านท่อในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ ===== - เดิมค่าผ่านท่อก๊าซที่ปตท.เรียกเก็บอยู่แล้วสูงเกินสมควร ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเพิ่มกว่า 3,000 ล้านบาท/ปี ===== * แต่ในปี 2551 ปตท.ยังยื่นขอขึ้นราคาเพิ่มอีก และ กกพ.อนุมัติทันที * ผลคือ ประชาชนต้องจ่ายเพิ่มอีก 4,500 ล้านบาท/ปี ทั้ง ๆ ที่ท่อก๊าซเป็นของรัฐ นี่คือการใช้อำนาจกำกับดูแลเพื่อ เอื้อประโยชน์แก่เอกชนโดยตรง ===== แม้กกพ.จะอ้างว่า “มีการรับฟังผู้มีส่วนได้เสีย” แต่กลับ ไม่เคยเชิญมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีเดิม การเปิดรับฟังผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างเร่งรัดภายในไม่กี่วันจึงเป็นเพียง เครื่องมือสร้างความชอบธรรมลวงตา ===== ===== พฤติการณ์ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า กกพ. และปตท. รู้อยู่เต็มอกว่า คำพิพากษาและรายงานสตง.ชี้ชัดว่าท่อก๊าซเป็นทรัพย์สินรัฐ แต่ยังคงดำเนินการเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ต่อไป การเพิกเฉยเช่นนี้ไม่ใช่เพียงความบกพร่อง แต่เป็น เจตนาพิเศษทุจริต เพราะมีเป้าหมายชัดเจนในการเอื้อกำไรแก่เอกชน ขณะที่ประชาชนต้องเสียหาย ===== ===== กรณีพิรงรอง กสทช. ถูกพิพากษาจำคุกจากการตรวจสอบ TrueID ชี้ให้เห็น พลวัตกลับหัวกลับหาง ในสังคมไทย: ===== * ผู้ตรวจสอบผลประโยชน์ประชาชน กลับถูกดำเนินคดี * บริษัทใหญ่ใช้ SLAPP กดดันผู้กำกับดูแล * สุดท้าย ศาลตีความให้เจ้าหน้าที่รัฐมีความผิดตามมาตรา 157 นี่สะท้อน Regulatory Capture เต็มรูปแบบ: หน่วยงานกำกับถูกทุนใหญ่ครอบงำ จนการทำหน้าที่เพื่อผู้บริโภคกลายเป็นความผิด ===== ทั้งสองกรณีสะท้อนวัฒนธรรมเดียวกัน: ===== * ทุนใหญ่ครอบงำกลไกรัฐ (จากพลังงานถึงโทรคมนาคม) * หน่วยงานกำกับถูกทำให้ไร้อำนาจแท้จริง * ผู้ตรวจสอบถูกกลั่นแกล้ง ฟ้องร้อง หรือเอาผิด * ประชาชนต้องจ่ายแพงขึ้น โดยไม่รู้เท่าทัน นี่คือการเสื่อมถอยของหลักนิติธรรมที่เปิดทางให้ ผลประโยชน์ทุจริต อยู่เหนือความเดือดร้อนของสาธารณะ ===== เพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบ จำเป็นต้อง: ===== # ตรวจสอบความรับผิดของกกพ. และปตท. ต่อการละเมิดคำพิพากษาและเอื้อผลประโยชน์ # คืนประโยชน์ให้ประชาชน โดยทบทวนอัตราค่าผ่านท่อ และเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น # ปฏิรูประบบกำกับดูแล ให้มีอิสระ โปร่งใส และป้องกันการครอบงำโดยทุนใหญ่ # คุ้มครองผู้เปิดเผยข้อมูลและผู้ตรวจสอบ (Whistleblower Protection) ตามพันธกรณี UNCAC ===== คดีค่าผ่านท่อก๊าซ และคดีพิรงรอง กสทช. อาจดูเหมือนอยู่คนละวงการ แต่จริง ๆ แล้วสะท้อนปัญหาเดียวกันคือ วัฒนธรรมผูกขาดที่ยึดกุมกลไกกำกับดูแล และการเสื่อมถอยของหลักนิติธรรม หากไม่แก้ไข โครงสร้างนี้จะยังคงทำให้ประชาชนไทยเป็นผู้จ่ายแพงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ผลประโยชน์ถูกส่งต่อไปยังทุนขนาดใหญ่เพียงไม่กี่กลุ่ม ===== คุณอยากให้ผมทำ เวอร์ชันย่อ 1 หน้า (Executive Summary) ไว้อ่านเร็ว ๆ สำหรับสื่อหรือโพสต์สาธารณะควบคู่ไปด้วยไหมครับ?
Summary:
Please note that all contributions to freem are considered to be released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 4.0 (see
Freem:Copyrights
for details). If you do not want your writing to be edited mercilessly and redistributed at will, then do not submit it here.
You are also promising us that you wrote this yourself, or copied it from a public domain or similar free resource.
Do not submit copyrighted work without permission!
Cancel
Editing help
(opens in new window)